Website
September 18,2025

ถ้าพูดถึงการเริ่มต้นทำเว็บไซต์ในยุคนี้ก็มักจะนึกถึง เว็บไซต์สำเร็จรูป (Website Builder) ไม่ว่าจะเป็น Wix, WordPress, หรือ Shopify ที่ช่วยให้คนไม่มีพื้นฐานการเขียนโค้ดก็สามารถมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองได้ง่าย ๆ และยังมีราคาย่อมเยากว่าการจ้างทำเว็บไซต์แบบ Custom อีกด้วย
ในอีกมุมของการทำ SEO (Search Engine Optimization) หลายคนก็อาจจะมีการตั้งคำถามว่า ถ้าใช้เว็บไซต์สำเร็จรูปแล้ว จะมีผลต่ออันดับ SEO ไหม? หรือมีข้อจำกัดอะไรที่ควรรู้ก่อนเริ่มหรือเปล่า
ในบทความนี้ NIPA Agency จะมาชำแหละแบบชัด ๆ ทั้ง ข้อดีและข้อเสียของเว็บไซต์สำเร็จรูปสำหรับการทำ SEO เพื่อให้มือใหม่ตัดสินใจได้ง่าย!
ข้อดีของเว็บไซต์สำเร็จรูปต่อ SEO
1. เริ่มต้นทำเว็บไซต์เองได้ ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานทางเทคนิค
หนึ่งในข้อได้เปรียบที่ชัดเจนที่สุดคือ เว็บไซต์สำเร็จรูปออกแบบมาเพื่อให้คนทั่วไปใช้งานได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องรู้จัก HTML, CSS หรือโค้ดเลย เพราะระบบมักมีฟีเจอร์ SEO พื้นฐานมาให้ครบ เช่น การใส่ Title Tag, Meta Description, URL หรือแม้แต่ Alt Text ของรูปภาพ ก็สามารถเริ่มต้นทำ SEO ได้แล้ว
2. มี Template ที่รองรับ SEO มาให้
ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ มักจะมีเทมเพลตที่ตอบโจทย์ต่อการทำ SEO อยู่แล้ว เช่น โครงสร้างหน้าเว็บที่เป็นระเบียบ มีการจัด Heading (H1, H2, H3) อย่างถูกต้อง รวมถึง Responsive Design ที่รองรับการใช้งานบนมือถือ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลโดยตรงต่อ Ranking บน Google นั่นเอง
3. มีเครื่องมือ Analytics และ Plugin เสริมให้ครบ
โดยส่วนใหญ่แล้วเว็บไซต์สำเร็จรูปมักจะเชื่อมต่อกับ Google Analytics หรือ Google Search Console ไว้อยู่แล้ว อีกทั้งบางแพลตฟอร์มยังมีปลั๊กอิน SEO โดยเฉพาะ เช่น Yoast SEO (WordPress) หรือ SEO Wiz (Wix) ที่ช่วยแนะนำว่าหน้าเว็บควรแก้ไขอะไรบ้าง เพื่อให้ติดอันดับได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
4. มีระบบจัดการความเร็วและโครงสร้างเว็บไซต์
ปัจจุบันเว็บไซต์สำเร็จรูปในหลายแพลตฟอร์มอย่าง Shopify หรือ Squarespace ที่มักจะปรับแต่งระบบหลังบ้านมาให้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ (Page Speed) หรือ โครงสร้าง SSL/HTTPS ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ Google ให้ความสำคัญ ทำให้เราไม่ต้องคอย Optimize เองตลอดเวลา
5. ต้นทุนต่ำ และสามารถทดลองใช้งานก่อนได้
สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มธุรกิจ และอาจจะยังไม่มั่นใจในโมเดลธุรกิจของตัวเอง แน่นอนว่าเว็บไซต์สำเร็จรูปคืออีกทางเลือกที่ช่วยเซฟต้นทุนได้เพราะค่าใช้จ่ายถูกกว่า อีกทั้งหากต้องการจะเริ่มทำ SEO ก็สามารถเริ่มทดสอบ Keyword ได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องลงทุนเยอะ
ข้อเสียของเว็บไซต์สำเร็จรูปต่อ SEO
1. มีข้อจำกัดในการ Customize Website ที่ไม่หลากหลาย
แม้ว่าเว็บไซต์สำเร็จรูปจะใช้งานง่าย แต่ปัญหาคือเราจะไม่สามารถปรับแต่งเว็บไซต์ได้ตามใจเหมือนกับการสร้างเว็บไซต์เอง ทำให้บางครั้งเราอยากเพิ่มฟีเจอร์ที่ซับซ้อน หรือเพิ่มลูกเล่นเข้าไปบนเว็บไซต์ก็ไม่สามารถทำได้
2. ปัญหาในเรื่องของความเร็วเว็บไซต์
เพราะนอกจากหน้าตาของเว็บไซต์ที่ดูสวยงามแล้ว เรื่องของความเร็วของเว็บไซต์ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญ แต่หากเลือกใช้เว็บไซต์สำเร็จรูป ที่แม้ว่าหลายแพลตฟอร์มจะพยายาม Optimize ความเร็ว แต่ก็ไม่ใช่ทุกแพลตฟอร์มที่สามารถทำได้ เพราะบางเทมเพลต ก็มีการโหลดสคริปต์จำนวนมาก ทำให้เว็บไซต์ช้าลง ซึ่ง Google จัดอันดับจาก Page Experience ดังนั้นถ้าเว็บช้าเกินไป อันดับ SEO ก็อาจร่วงได้ง่าย
3. ไม่ตอบโจทย์เรื่องของการใช้ฟีเจอร์ SEO ขั้นสูง
แน่นอนว่าสำหรับมือใหม่เว็บไซต์สำเร็จรูปอาจเพียงพอ แต่ถ้าต้องการทำ SEO เชิงลึก เช่น การตั้งค่า Canonical Tag, Structured Data (Schema), Redirect 301 หรือ Core Web Vitals แน่นอนว่าเว็บไซต์สำเร็จรูปอาจจะติดข้อจำกัด ทำให้ไม่สามารถแก้ได้เองทั้งหมด
4. เกิดการแข่งขันสูงในการใช้งานเว็บไซต์
เพราะเว็บไซต์สำเร็จรูปเป็นรูปแบบที่ใช้งานง่าย ไม่ว่าใครก็สามารถปรับใช้ทำตามได้ ดังนั้นเว็บไซต์ที่หน้าตาและโครงสร้างคล้ายกันจึงมีเยอะมาก ทำให้การสร้างความแตกต่างในแง่ของการทำ SEO จึงยากกว่า การมีเว็บที่ Custom แบบเฉพาะตัวเป็นของตัวเอง
มือใหม่ควรเลือกใช้เว็บไซต์สำเร็จรูปทำ SEO ไหม?
ถ้าเพิ่งเริ่มธุรกิจอยากมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง แต่ก็ยังมีความกังวลและไม่มั่นใจว่าธุรกิจจะไปได้ไกลแค่ไหน แน่นอนว่าเว็บไซต์สำเร็จรูปคือทางเลือกที่เหมาะสม เพราะช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลาไปได้แบบสุด ๆ
แต่ถ้าคุณวางแผนในระยะยาวให้กับธุรกิจ และมองว่าธุรกิจของคุณจะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้ ควรเลือกเว็บไซต์แบบที่ Customize เพื่อรองรับ SEO โดยเฉพาะก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้มากกว่านั่นเอง
เคล็ดลับสำหรับคนที่ใช้เว็บไซต์สำเร็จรูป
เลือก Template ที่เป็นมิตรกับ SEO โดยเลือกเทมเพลตที่มีโครงสร้างเว็บชัดเจน โหลดเร็ว และ รองรับการใช้งานบนมือถือ (Responsive Design) เพราะ Google ให้ความสำคัญกับ Mobile-Friendly Website มากขึ้น ใส่ Keyword ให้พอดี และเหมาะสมใน Title Tag, Meta Description และ Heading (H1, H2, H3) โดยไม่ยัดคีย์เวิร์ดจนเกินไป เพราะ Google ให้คะแนนกับความเป็นธรรมชาติของเนื้อหามากกว่าการใส่ซ้ำ ๆ สร้าง Content ที่มีคุณภาพที่ตอบโจทย์ผู้อ่าน, มีประโยชน์ และอ่านง่าย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสติดอันดับที่ดีที่สุด
ปรับแต่งรูปภาพให้เหมาะกับ SEO โดยปรับขนาดไฟล์รูปภาพให้เหมาะสมกับเว็บไซต์เพื่อให้โหลดได้เร็วขึ้น และใส่ Alt Text ทุกครั้ง เพราะช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของรูปได้ดีขึ้น อีกทั้งยังส่งผลต่อการค้นหาผ่าน Google Image ด้วย
เว็บไซต์สำเร็จรูปถือเป็น ตัวเลือกที่ดีสำหรับมือใหม่ ที่อยากเริ่มต้นทำ SEO เพราะใช้งานง่าย ลงทุนน้อย และพร้อมใช้งานทันที แต่ก็มีข้อจำกัดด้านความยืดหยุ่น ความเร็ว และฟีเจอร์ SEO ขั้นสูงที่ควรพิจารณา
Share on