เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 19.00 น.
บ่อยครั้งที่การบอกเล่าเรื่องราวหรือการวาง Storytelling ต่าง ๆ ของแบรนด์ ช่วยให้แบรนด์เข้าไป Touch ใจคนจนเกิดเป็นการหันมาซื้อสินค้าหรือบริการของเรามากขึ้น เนื่องจากการทำ Storytelling ดี ๆ จะช่วยให้ผู้ที่พบเห็น โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจในสินค้าของเราอยู่แล้วอินตามเรื่องราวที่เราถ่ายทอดออกไปได้ง่ายขึ้น และอาจก่อให้เกิด Brand Loyalty ในที่สุด
Storytelling คือการเล่าเรื่องราวหรือข้อมูลต่างๆ ผ่านโครงเรื่อง ตัวละคร และเหตุการณ์ต่างๆ แต่ละรูปแบบ เพื่อสื่อสารข้อความหรือแนวคิดให้ผู้รับสารเข้าใจและเชื่อมต่อกับเรื่องราวนั้นได้ง่ายขึ้น ซึ่งถือเป็นวิธีที่ช่วยในการดึงดูดความสนใจ สร้างความเข้าใจต่อผู้ฟังหรือผู้ชมได้
ซึ่งกลยุทธ์ Storytelling นี้จะช่วยให้แบรนด์สามารถเชื่อมต่อกับผู้คนได้ง่ายขึ้นและลึกมากขึ้น ส่งผลให้ข้อความหรือสารที่ต้องการจะสื่อไปถึงได้อย่างถูกต้อง สามารถวางแผนการทำโฆษณาได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้บรรลุ Objective ที่ตั้งใจไว้ได้ง่าย ซึ่งการทำคอนเทนต์แบบ Storytelling นั้น สามารถนำเสนอได้ทุกรูปแบบ ทั้งแบบข้อความ รูปภาพ และวิดีโอ
มาพูดถึง Walt Disney ค่ายหนังและแอนิเมชันยักษ์ใหญ่ระดับโลกกันบ้างดีกว่า โดย Disney มีการใช้การวาง Storytelling ให้น่าสนใจเช่นกัน โดยสิ่งที่ Disney หยิบมาใช้ในการทำคอนเทนต์เล่าเรื่องต่างๆ ให้ทรงพลังมากขึ้น นั่นก็คือการหยิบเอา 3 Act Structure มาใช้นั่นเอง
3 Act Structure เป็นโครงสร้างการเล่าเรื่องที่แบ่งเรื่องราวออกเป็นสามส่วนหลักๆ ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการภาพยนตร์ ละคร และวรรณกรรม โครงสร้างนี้ช่วยให้เรื่องราวมีการพัฒนาอย่างเป็นระบบและสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้ตลอดเรื่อง โดยจะประกอบไปด้วย
บทเริ่ม (Act 1: Setup) ประกอบด้วย
บทพีค (Act 2: Confrontation) ประกอบด้วย
บทจบ (Act 3: Resolution) ประกอบด้วย
วันนี้เราจะขอยกตัวอย่างการใช้ 3 Act Structure การเล่าเรื่องที่สนุกและน่าติดตามในแบบฉบับของ Disney ซึ่งไม่ว่าใครก็ทราบฝีไม้ลายมือของค่ายนี้กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว โดยเราจะขอยกตัวอย่างจากเรื่อง Toy story ให้ได้ดูกัน
สำหรับเรื่องนี้ บทเริ่มจะเป็นการเล่าเรื่องราวของ Woody ผู้นำในหมู่ของเล่นของ Andy และได้ถ่ายทอดเรื่องราวมาเรื่อยๆ จนมาถึงงานวันเกิดของ Andy ที่เขาได้รับ Buzz Lightyear เป็นของขวัญวันเกิด จนทำให้ Woody อิจฉา และส่งต่อเรื่องราวไปยังบทพีค
ต่อมา เรื่องเข้าสู่บทพีคด้วยการที่ Woody พยายามจะกำจัด Buzz อยู่เรื่อยๆ จนมาถึงตอนที่แม่ของ Andy กำลังพาเด็กๆ ไปที่ร้านพิซซ่าและหยุดแวะที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งตอนนั้น Woody กับ Buzz ก็ถูกแยกให้อยู่กันเพียง 2 คน เกิดเป็นจุดพัฒนาเรื่องราว ที่ทั้งคู่พยายามตามไปที่ร้านพิซซ่า จนมาถึงจุดกลางเรื่อง ที่พวกเขาได้พบกับเด็กที่ชื่อ Syd และถูกนำกลับบ้าน
เนื้อเรื่องเริ่มเข้าสู่บทจบด้วยการที่ Syd ทรมาน Woody เป็นอย่างมาก ในขณะที่ Buzz ก็เห็นโฆษณา Buzz ตัวอื่นๆ ทำให้เขาได้รับรู้ว่าตนเองไม่ได้มีพลังวิเศษใดๆ เขาได้พยายามบินหนี แต่ก็ตกลงมาแขนหัก แต่เขาทั้งสองก็ต้องพยายามรีบกลับไปให้ได้ ดังนั้นทั้งสองคน อย่าง Woody ที่เก่าแล้ว และ Buzz ที่ไม่ใช่ตำรวจอวกาศสุดเท่อีกต่อไป ต้องช่วยกันรีบกลับไปหา Andy เพราะเป็นวันที่ Andy กำลังจะย้ายบ้าน ซึ่งเป็นจุดสุดยอดหนึ่งที่ดึงผู้ชมไปสู่บทจบและไล่เรียงเรื่องราวไปจนถึงการสรุปเรื่อง
3 Act Structure สามารถนำมาใช้ในด้านการตลาดได้โดยการนำเสนอเรื่องราวของแบรนด์ ให้กลุ่มเป้าหมายเข้าใจแบรนด์มากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถนำมาใช้ในการทำคอนเทนต์ขาย ผ่านวิดีโอโฆษณาสินค้า หรือการทำโฆษณา Youtube เป็นต้น โดยมีการนำมาใช้งานดังนี้
จะเห็นได้ว่า 3 Act Structure เป็นอีกโครงสร้างหนึ่งที่จะช่วยให้เราสามารถทำคอนเทนต์รูปแบบต่างๆ ได้น่าสนใจและน่าติดตามได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์แบบรูปภาพ หรือการทำวิดีโอโฆษณาสินค้า ทำโฆษณา Youtube หรือแม้กระทั่ง TikTok ซึ่งการเล่าเรื่องที่ดีก็จะช่วยให้แบรนด์ของเราสามารถเข้าไปนั่งในใจคนได้อย่างแน่นอน
หรือหากคุณกำลังมองหาผู้ช่วยทางการตลาดที่สามารถทำคอนเทนต์ออกมาให้น่าติดตาม Nipa Agency มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะเนรมิตคอนเทนต์เพื่อช่วยมัดใจกลุ่มเป้าหมายของคุณให้อยู่หมัด หากสนใจติดต่อเราได้เลย