ถอดบทเรียนจากแบรนด์ดัง วางแผนการตลาดในช่วง Pride Month

ตลอดเดือนมิถุนายน ทุกคนคงพอจะทราบกันดีว่าเป็นเดือนแห่งความหลากหลาย ไม่ใช่แค่เรื่องเพศ แต่รวมถึงเชื้อชาติ วัฒนธรรม สีผิว ฯลฯ ซึ่งเราได้เห็นแบรนด์ต่างๆ ออกมาขับเคลื่อนและแสดงจุดยืนให้กับความแตกต่างหลากหลายในช่วง Pride month นี้ด้วยวิธีทางการตลาดที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น ออก Collection ใหม่ที่เป็น Limited Edition หรือการ Collaboration การทำคอนเทนต์สนับสนุก LGBTQ+ หรือตั้งรูปโปรไฟล์สีรุ้งเพื่อแสดงจุดยืนอีกด้วย 

ซึ่งวันนี้ Nipa Digital Marketing Agency จะทิ้งทวน Pride Month ด้วยการพาไปดู Case study ที่ยึดมั่นในความหลากหลาย ที่ไม่ใช่แค่การวางแผนการตลาด หรือการทำ Marketing online แต่เป็นการฝังรากลึกถึงแก่นของ Branding รวมถึงวัฒนธรรมองค์กรที่ปลูกฝังความหลากหลายเท่าเทียมให้เป็นภาพเดียวกันทั้งองค์กรนั่นเอง 

วางแผนแบบ Sansiri เจาะตลาด LGBTQIA+ 

แบรนด์อสังหาฯ ที่แสดงจุดยืนด้านความหลากหลายมายาวนาน ซึ่งแสนสิริเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับความหลากหลายเท่าเทียมมาเสมอ ตั้งแต่ตอนที่ประเทศไทยเรานั้นยังไม่เปิดกว้าง จนกระทั่งเป็นบริษัทแรกๆ และเป็น 1 ใน 200 บริษัทชั้นนำทั่วโลก ที่ลงนามกับ UN Global Standards of Conduct for Business-มาตรฐานข้อปฏิบัติทางธุรกิจขององค์การสหประชาชาติ (UN) เพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมในสังคม

จะเห็นได้ว่าก่อนวางแผนการตลาด Marketing online Sansiri แสดงถึงความใส่ใจในการสร้าง Brand Culture ให้มีจุดยืนในเรื่องนี้อย่างชัดเจน

ในปี 2020 Sansiri ได้ปล่อยแคมเปญ Everyone is family ต่างเพศ เชื้อชาติ วัย แต่ทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน เป็นอีกหนึ่งแคมเปญการตลาดที่อบอุ่นหัวใจ เป็นคอนเซ็ปต์ง่ายๆ แต่ได้ใจไปเต็มๆ เพราะเป็นแคมเปญที่สื่อว่าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นลูกบ้าน เจ้าหน้าที่ พนักงาน ไม่ว่าจะเพศไหน เชื้อชาติไหน วัยไหน ทุกคนคือ “ครอบครัว”

แสนสิริได้มีการผลักดันและขับเคลื่อนอย่างไม่หยุดยั้งในรูปแบบของการหล่อหลอมวัฒนธรรมองค์กร เช่น การมอบสวัสดิการให้พนักงาน การลาผ่าตัดแปลงเพศไม่เกิน 30 วันต่อปี, ลาสมรสไม่เกิน 6 วันต่อปี ฯลฯ ในส่วนของลูกค้าที่เข้ามาเป็นลูกบ้านของแสนสิริ ก็ยังช่วยผลักดันให้กลุ่ม LGBTQIA+ สามารถกู้ร่วมซึ่งได้รับความร่วมมือจากธนาคารพันธมิตร 8 แห่งด้วย

และในปีนี้ก็ได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองความสำเร็จในการสนับสนุนสมรสเท่าเทียม ภายใต้ธีม Hope Blooms, Love Wins โดยจัด “Pride Palette Picnic” สุดอลัง นับว่าเป็นแบรนด์ที่ทำการตลาดผสมผสานได้อย่างดี ทั้ง Marketing Offline และ Marketing Online รวมถึงการก่อร่างสร้างแบรนด์ได้อย่างแข็งแกร่ง แสดงจุดยืนไม่มีพัก สร้างกี่แคมเปญก็ไม่มีแผ่ว

วางแผนการตลาดให้ปังปุแบบ “เซ็นทรัล รีเทล”

เซ็นทรัล รีเทล อีกแบรนด์ที่สนับสนุนความหลากหลายในทุกมิติ ซึ่งมี Vision ที่ว่า CRC Care โดยในด้าน Care for the People ที่เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ใส่ใจอย่างครอบคลุมทั้งในและนอกองค์กร เปิดรับและเปิดกว้างในเรื่องของ Equality ซึ่งก็ได้มีคอนเซ็ปต์หลักๆ ในการพัฒนาองค์กรให้ก้าวกระโดดอย่าง Equality In Diversity สนับสนุนความหลากหลายอย่างเท่าเทียม ซึ่งประกอบด้วย 6 แกนหลัก เช่น No Sexism ไม่กีดกันทางเพศ, Multi-National หลากหลายเชื้อชาติ, Multi-Generation ไม่จำกัดวัย, Dignity เคารพซึ่งกันและกัน, Capability จ้างงานคนพิการ, Agender Dressing มีอิสระในการแต่งตัว 

ปีนี้ เซ็นทรัล รีเทลก็เล่นใหญ่ไฟกระพริบ จัดแคมเปญเฉลิมฉลอง Pride Month สุดปัง มาในคอนเซ็ปต์ “Central Retail รักทุกความเป็นคุณ” ที่ชวนทุกคนมาแสดงออกถึงความรักในรูปแบบต่างๆ ด้วยการสร้างฟิลเตอร์ใน Tiktok ให้ User ได้ไปลองเล่นสำหรับแชร์ลงโซเชียล เพื่อแสดงออกถึงการสนับสนุนทุกความหลากหลาย รวมถึงจัดจำหน่ายสินค้า Limited edition พร้อมโปรโมชันจัดเต็ม ที่มีเฉพาะ Pride Month เท่านั้น 

หรือรวมถึงมีการจัด Collaborate กับ “มาสเตอร์การ์ด” จัดกิจกรรมและโปรโมชันสุด Exclusive โปรโมตจุดยืนที่สะท้อนมุมมอง และความหลากหลายทางความคิด ผ่านขบวนพาเหรด Thailand’s Pride Celebration 2024 - “Pride For All” 

ก่อนจะวางแผนการตลาด ให้คนเชื่อหมดใจ จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 แบรนด์ ทั้งแสนสิริและเซ็นทรัล รีเทล มี Medel ที่คล้ายคลึงกัน นั่นก็คือ การปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรให้เด่นชัด สร้างแบรนด์ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสิ่งที่ยึดถือ นั่นก็คือความหลากหลาย และความเท่าเทียม ผ่านการทำการตลาดแบบผสมผสาน ทั้ง Marketing offline และ Marketing online รวมถึงการปรับเปลี่ยน Touchpoint ต่างๆ ให้ทัชใจ ไม่ว่าจะเป็น Ambience ads เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ ใช้ Campaign hashtage จัดของแถมสุดพิเศษ รวมไปถึงใช้ตราสัญลักษณ์สีรุ้ง 

อะไรเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้อาจสร้าง Impact ครั้งใหญ่ แค่เริ่มเปลี่ยนจากข้างใน ใส่ใจวัฒนธรรมความหลากหลายให้มากขึ้น นอกจากจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ คนนอกที่มองเข้ามา ไม่ว่าเป็นจะลูกค้าใหม่หรือเก่า หรือคนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายเลยก็ตาม ก็อาจจะตกหลุมรัก และชื่นชมในแบรนด์ของคุณก็เป็นได้