เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 19.00 น.
เว็บไซต์ก็เปรียบเสมือนบ้านหลังใหญ่บนโลกออนไลน์ที่ยิ่งมีคนเห็นและแวะเวียนมาบ้านเรามากเท่าไหร่ แบรนด์ของเราก็จะยิ่งเป็นที่รู้จัก และขายสินค้าหรือบริการได้เยอะมากขึ้น เปลี่ยนความอยากรู้ของคนที่เข้ามาเยี่ยมบ้านของเรา เป็นความสนใจ และความอยากซื้อได้ง่ายขึ้น ซึ่งการที่มีคนคลิกเข้ามาเยี่ยมชมบ้าน กดเข้ามาดูเว็บไซต์ของเรา หรือใช้เวลาบนเว็บไซต์ของเราเป็นเวลานาน สิ่งนี้เรียกว่า “Website traffic” นั่นเอง
Traffic ในภาษาอังกฤษ แปลว่า การจราจร แต่ในทางการตลาด Traffic หรือ Website traffic อาจแปลได้ว่าการสัญจรของ User ที่เข้ามาในเว็บไซต์ คลิกตรงนั้นที ตรงนี้ที เพื่อค้นหาสิ่งที่สนใจ และอยากรู้ในเว็บไซต์ของเรา หรือเรียกได้ว่า เป็นตัวชี้วัดจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ หรือจำนวนการคลิกเข้ามาเว็บไซต์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมาตรวัดประสิทธิภาพของเว็บไซต์ของเรา ยิ่งเป็นเว็บไซต์ที่มี Traffic สูงมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีอันดับที่ดี และติดหน้าแรกบน Search Engine มากขึ้นเท่านั้น
ล่าสุด Google ได้มีการปรับ Algorithm โดยให้ความสำคัญกับบทความที่มี Organic traffic มากเป็นพิเศษ เพื่อให้ผู้เข้าใช้ค้นหาเนื้อหาที่ตรงกับสิ่งที่สนใจและต้องการมากที่สุด ประกอบกับพฤติกรรมของ User ที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ทำให้ Google ขยันปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การจัดอันดับอยู่บ่อยครั้ง เพื่อกรองเว็บไซต์ที่มีคุณภาพตรงตาม Webmaster Guideline
การมียอด Website Traffic ที่สูง จะช่วยให้อันดับเว็บไซต์อยู่ในเกณฑ์ที่ดี และติดอันดับอยู่เสมอ ซึ่งการติดในหน้าแรกของ Search Engine สำคัญต่อการทำการตลาดออนไลน์มาก ยิ่งอยู่หน้าแรกและติดอันดับ ก็จะมีโอกาสที่ผู้คนจะเห็นสินค้า และบริการของเราได้มากขึ้นด้วย
Quality : เนื้อหาควรมีคุณภาพ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
Website performance : เว็บไซต์ควร User friendly ต่อผู้ใช้ และควรเป็น Responsive Website ที่ Align ได้กับทุกเครื่องมือสื่อสาร เช่น Smartphone Tablet PC เป็นต้น
Relevant : เนื้อหามีความเชื่อมโยง หรือเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการ
หากแบรนด์มี Owned Media แพลตฟอร์มอื่นๆ อย่าง Facebook, Twitter, Instagram ก็สามารถแชร์เนื้อหา SEO ไปยังแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้ ช่วยเพิ่มโอกาสให้มีคนมองเห็นบทความของเรามากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการคลิกเข้ามาอ่านบทความมากขึ้นด้วย ซึ่งการโพสต์บนแพลตฟอร์มต่างๆ อาจทำโพสต์ให้น่าสนใจ เช่น
การทำ Clickbait ผ่านการทำ Text based content บน Facebook และแปะลิงก์ใต้คอมเมนต์เพื่อให้คนคลิกเข้าไปอ่านในลิงก์
หมั่นแชร์บทความลง Facebook & Instagram Stories แทรกลิงก์ในทุกๆ การแชร์
สรุปเป็น Bullet Point สั้นๆ ให้น่าสนใจ และแทรกลิงก์เพื่อให้คนสามารถคลิกอ่านรายละเอียดได้ง่ายขึ้น
อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยดัน Traffic ให้คนเห็นแล้วกดคลิก คือการยิงโฆษณา บน Google ads word ซึ่งจะต้องจัดโครงสร้างของ Campaign ให้เหมาะสม ไม่เลือกคีย์เวิร์ดที่กว้างหรือแคบเกินไป ใส่จำนวนเงินต่อวันให้พอเหมาะ ใส่ target เพื่อให้ยิงแอดได้ตรงเป้า และที่สำคัญต้องมั่นใจว่าเว็บไซต์มีคุณภาพมากพอให้คนกดเข้ามาเยี่ยมชมได้อย่างลื่นไหลไม่สะดุด มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากพอให้อ่าน ถ้าเว็บไซต์ของแบรนด์ถูกต้องตามเกณฑ์ข้างต้นที่กล่าวมา การยิงโฆษณาก็จะช่วยเพิ่ม Traffic ได้มากเลยทีเดียว นอกจากนี้ ควรหมั่นตรวจเช็กข้อมูลหลังบ้านผ่าน Google analytic ที่สามารถสามารถวิเคราะห์ข้อมูล ผลการโฆษณา เช็ก Traffic Website เพื่อปรับปรุงและปรับแก้แผนการตลาดต่อไปได้ในอนาคต
การมียอด Website traffic ดี อาจเป็นความสำเร็จก้าวเล็กๆ ของแบรนด์ธุรกิจ SMEs หรือแบรนด์ที่ทำการตลาดออนไลน์ เพราะอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ปิดการขายครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ แบรนด์ไหนที่อยากเริ่มทำการตลาดผ่านเว็บไซต์ อยากเพิ่ม Traffic ให้บ้านหลังใหญ่หลังนี้ สามารถทำตามทริคที่กล่าวมาข้างต้นได้เลย รับรองว่าถ้าทำอย่างสม่ำเสมอ แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ยอดขายเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน