เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 19.00 น.
หลายๆ คนที่หันมาทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ และต้องการโฆษณาเว็บไซต์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น มีคนคลิก คนเข้าชมเว็บไซต์จำนวนมาก เพื่อให้สินค้าและบริการของตัวเองเป็นที่รู้จัก สร้างโอกาสปิดการขาย และทำยอดให้กับธุรกิจ คงต้องผ่านขั้นตอนบริหารจัดการ และวางแผนโฆษณาเว็บไซต์โดยการเลือกใช้เครื่องมือต่างๆ หนึ่งในนั้นคือการทำ SEO ที่ต้องเริ่มต้นจากการเลือกใช้ Keyword ให้มีประสิทธิภาพ ตรงกับปริมาณการค้นหาเกิดขึ้น ยิ่งเลือกได้ดี keyword ตรงกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายกำลังมองหา ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการโฆษณาเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น
การเลือกใช้ Keyword ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้กิจการของคุณเติบโตและประสบความสำเร็จในการทำการตลาดออนไลน์
Search Console Bubble Chart สามารถเรียกใช้ได้บน Google Search Console ใช้ในการแสดงข้อมูลเป็นกราฟแบบวงกลม (Bubble chart) แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง Keyword กับ Metrics ต่างๆ ซึ่งประกอบไปด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้
Query : คำค้นหาหรือคีย์เวิร์ดที่พาผู้ใช้มายังหน้าเว็บไซต์ของเรา
Device Category : ชนิดของอุปกรณ์ที่ผู้คนใช้ แสดงผ่านสีของวงกลม
CTR : Click Through Rate หรือ อัตราที่ผู้คนคลิกเข้ามายังเว็บไซต์หลังจากมองเห็น (Impression) ในหน้าค้นหา
Average Position : อันดับเว็บไซต์บนหน้าค้นหาของ Google
Clicks : จำนวนครั้งในการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ แสดงผลผ่านขนาดของวงกลม
การใช้งาน Search Console Bubble Chart ช่วยให้ผู้ที่ทำเว็บไซต์สามารถเห็นภาพรวม ดูแนวโน้มและความสัมพันธ์ของ Keyword ต่างๆ ที่มีผลต่อการทำ SEO ของเว็บไซต์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการวิเคราะห์และปรับปรุงกิจกรรม SEO เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดอันดับในผลการค้นหาของ Google ได้มากขึ้น โดยสามารถแบ่งการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของคีย์เวิร์ดได้เป็น 4 กรณีหลักๆ ดังนี้
ตำแหน่งของวงกลมอยู่สูง และ CTR ไปทางขวาค่อนข้างมาก
คีย์เวิร์ดเหล่านี้มีประสิทธิภาพสูง สามารถเรียกผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้มาก ไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรเพิ่มเติม
ตำแหน่งของวงกลมอยู่ต่ำ แต่ CTR ไปทางขวาค่อนข้างมาก
คีย์เวิร์ดเหล่านั้นยังอยู่ในอันดับที่ไม่ดีพอ แต่สามารถเรียกกลุ่มเป้าหมายมาเข้าชมเว็บไซต์ได้ค่อนข้างเยอะ เป็นคีย์เวิร์ดที่อยู่ในความสนใจของผู้บริโภค จึงเป็นกลุ่มคีย์เวิร์ดที่คนทำเว็บไซต์ต้องให้ความใส่ใจ และปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น ได้อันดับที่ดียิ่งขึ้น
ตำแหน่งของวงกลมอยู่ต่ำ และ CTR ไปทางซ้ายค่อนข้างมาก
คีย์เวิร์ดในกลุ่มนี้อยู่ในอันดับที่ไม่ดีพอ และดึงดูดให้ผู้คนคลิกเข้ามาชมเว็บไซต์ได้น้อย แต่สำหรับคนที่ทำเว็บไซต์แล้ว คีย์เวิร์ดเหล่านี้ก็ยังไม่สามารถละเลยได้ในทันที จะต้องพิจารณาขนาดของวงกลมร่วมด้วย ถ้าวงกลมมีขนาดใหญ่แปลว่ายังมีคนคลิกเยอะ ต่อให้ได้ยอด CTR น้อย แต่ก็ยังมีคนให้ความสนใจสูง เมื่อเทียบกับคีย์เวิร์ดอื่นๆ คีย์เวิร์ดในกลุ่มนี้จึงเป็นโอกาสสำหรับคนทำเว็บไซต์ให้พิจารณาหยิบไปใช้ และพัฒนาต่อยอดคีย์เวิร์ดเหล่านี้ให้ได้อันดับที่ดียิ่งขึ้น
ตำแหน่งของวงกลมอยู่สูง และ CTR ไปทางซ้ายค่อนข้างมาก
คีย์เวิร์ดอยู่ในอันดับดีแต่ดึงดูดให้ผู้คนคลิกเข้ามาชมเว็บไซต์ได้น้อย เกิดได้จากหลายเหตุผล เช่น คู่แข่งทำโครงสร้างข้อมูลออกมาดีกว่า ยอดการเข้าชมจึงถูกคู่แข่งดึงดูดไปที่เว็บไซต์ของเขามากกว่า หากเป็นด้วยเหตุผลนี้ คนทำเว็บไซต์ต้องหันกลับมาพัฒนาที่โครงสร้างเว็บไซต์ของเราเองก่อน ตรวจสอบการเปิดใช้ฟีเจอร์ผลการค้นหา (Search result features) เป็นต้น
ตั้งค่าช่วงเวลาที่เหมาะสม: ก่อนที่จะเริ่มการวิเคราะห์ด้วย Bubble Chart ควรตั้งค่าช่วงเวลาที่ถูกต้อง เช่น เลือกช่วงเวลาย้อนหลัง 1 เดือนหรือ 3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะแสดงถึงแนวโน้มและข้อมูลที่สมบูรณ์เพียงพอสำหรับการวิเคราะห์ Keyword ที่น่าสนใจ
เลือก Metrics ที่เหมาะสม: Bubble Chart สามารถแสดง Metrics หลายอย่าง เช่น จำนวนครั้งที่แสดงผล (impressions), จำนวนครั้งที่คลิก (clicks), อัตราคลิก (CTR), และตำแหน่งที่คำค้นได้ (Average position) ควรเลือก Metrics ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของคุณ เช่น หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการคลิก ควรใช้ CTR เป็น Metrics หลัก
วิเคราะห์แนวโน้ม: ดูให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจแนวโน้มที่แสดงบน Bubble Chart โดยดูที่การกระจายของวงกลม (ฺBubbles) ว่า Keyword ไหนมีการคลิกสูงแต่ตำแหน่งอาจไม่ดีหรือ Keyword ไหนที่มีการแสดงผลมากแต่คลิกน้อย เพื่อที่จะได้มีการปรับปรุง Keyword ที่เหมาะสมและเพิ่มประสิทธิภาพได้
คัดเลือก Keyword ที่มีโอกาสสำเร็จสูง: ด้วย Bubble Chart คุณสามารถคัดเลือก Keyword ที่มีโอกาสสำเร็จในการทำ SEO สูงสุดได้โดยดูที่คำค้นที่มีคลิกสูง และมีตำแหน่งที่ดีซึ่งเป็นสัญญาณว่า Keyword นั้นๆ มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการทำ SEO เพื่อโฆษณาเว็บไซต์
การเลือก Keywords เพื่อใช้ในการทำ SEO เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการโฆษณาเว็บไซต์ หากสามารถตั้งต้นได้ดี ย่อมส่งผลดีต่อก้าวถัดๆ ไป เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของการทำเว็บไซต์ การมองหาบริการรับทำเว็บไซต์ e-commerce โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ
Nipa Agency มีบริการรับทำเว็บไซต์ e-commerce ดูแลให้ตั้งแต่จุดเริ่มต้น ไปจนถึงวางแผนการโฆษณาเว็บไซต์ ดำเนินการด้วยทีมงานที่เชี่ยวชาญในทุกขั้นตอน เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณก้าวไปสู่เป้าหมายที่กำหนดได้ในราคาที่เหมาะสม ไม่ผิดกฎของ Google และรักษาผลลัพที่ดีได้ในระยะยาว