เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 19.00 น.
Online-Marketing คือ การทำการตลาดผ่านการโฆษณาบนสื่อออนไลน์ เช่น Facebook Twitter, Instagram, YouTube, ตลอดจนการโฆษณาบนเว็บไซต์ หรือ Google ฯลฯ อีกมากมาย ผ่านการใช้งานบนอินเตอร์เน็ต โดยผู้ที่จะทำ Online-Marketing จำเป็นต้องมีช่องทางออนไลน์ของตัวเองก่อนอย่างน้อย 1 ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ หรือ Facebook Page เพื่อที่เวลาไปลงโฆษณา หรือการโปรโมต ลูกค้าจะสามารถคลิกเข้ามาทำความรู้จักกับธุรกิจ หรือสินค้าของเราได้มากขึ้น เพื่อให้ผู้อื่นได้รับรู้และเกิดความสนใจ จนกระทั่งเข้ามาใช้บริการหรือซื้อสินค้าของเราได้อย่างมีความเชื่อมั่น
เพราะเป็นกลยุทธ์ที่ส่งเสริมการขาย เพื่อประชาสัมพันธ์และโฆษณาสินค้าหรือบริการให้ลูกค้าพึงพอใจมากที่สุด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยการตลาดอโอนไลน์ (Online Marketing) สามารถทำได้หลายช่องทางหลักๆ คือ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า Google คือ Search engine ที่ได้รับความนิยมที่สุดของผู้คนส่วนใหญ่ ซึ่งก็แน่นอนว่า การลงโฆษณาโดยใช้สื่อที่เป็นรูปภาพ เพื่อนำไปลงโฆษณาตามเว็บต่างๆ โดยที่ในเว็บนั้นน่าจะมีกลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสเป็นลูกค้าของเราอยู่ จะทำให้สามารถขายสินค้าได้มากยิ่งขึ้น
การโปรโมตสินค้าและทำโฆษณาจึงเป็นที่นิยมมากโดยผ่าน การบริการรูปแบบ Online-Marketing Platform 2022 ที่มีการบริการครบครันทุกประเภท อาทิ Line, Facebook และ Platform รูปแบบอื่นๆ ที่มาสามารถกระจายการรับรู้เรื่องราวของสินค้าให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เพราะอิทธิพลของ Social Network จะทำให้เกิดการบอกกันปากต่อปาก เราเรียกว่า Viral Marketing หรือ การตลาดที่แพร่หลายเหมือนไวรัส ซึ่งจะทำให้มีคนรู้จักหรือพบเห็นบริการของเราได้หลายๆ ครั้ง
การทำการตลาดออนไลน์สามารถวัดผลได้ ต่างจากออฟไลน์ที่จะวัดผลได้ยาก โดยการวัดผลก็จะดูที่การคลิก แหล่งที่มาของคลิก (Source) ซึ่งหากจะดูอย่างชัดเจนต้องใช้เครื่องมือเข้ามาจับข้อมูล เช่น Google Analytics หรือหากต้องการวัดผลการคลิกง่ายๆ ก็ใช้ bit.ly ได้เช่นกัน
การทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) สามารถกำหนดงบโฆษณาได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นโฆษณา Google หรือ Facebook ก็สามารถกำหนดได้เลยว่า เรามีงบเท่าไหร่ต่อวัน เช่น เราบอกระบบไปว่า 500 บาทต่อวัน ระบบก็จะใช้งบโฆษณาไม่เกินนี้
โฆษณาออนไลน์ เช่น การโฆษณาบน Google และ Facebook สามารถกำหนดเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ของแคมเปญได้ และระบบจะคิดเงินเมื่อโฆษณาบรรลุวัตถุประสงค์แล้วเท่านั้น เช่น หากเราตั้งไว้ว่าต้องการให้คนคลิก ระบบก็จะคิดเงินต่อเมื่อมีคนคลิก (Pay Per Click, PPC) หรือ หากเราตั้งไว้ว่า ต้องการให้โฆษณาแสดงเยอะๆ คนเห็นเยอะๆ ระบบก็จะคิดเงินเป็นแบบ CPM (Cost per 1,000 Impressions) หรือ คิดเงินในทุกๆ การแสดงผล 1,000 ครั้ง (แต่หากแสดงไม่ถึง 1,000 ระบบก็คิดเงินนะ เช่น แสดง 500 ครั้ง ก็จะโดนเรียกเก็บ 50% ของ CPM)
จะลงโฆษณา 14 วันแล้วหยุดก็ได้ จะเปลี่ยนโฆษณาเมื่อไหร่ก็ได้ หรือหาก COVID-19 ระบาดกระทันหัน จะพอสโฆษณาสัก 1 สัปดาห์ก็ได้ ต่างจากสื่ออื่นๆ ที่มีความลำบากในการปรับ เปลี่ยน ยกเลิก หรือขอหยุด