02-639-7878 ต่อ 990

เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 19.00 น.

ปิดหน้าต่างนี้
โฆษณาบน LINE
โฆษณาบน Facebook
โฆษณาบน Instagram
โฆษณาบน Google
โฆษณาบน YouTube
โฆษณาบน Twitter
โฆษณาบน TikTok
รับออกแบบเว็บไซต์ธุรกิจ
SEO ( Search Engine Optimization )
Content Marketing
การตลาดบน E-mail และ SMS
รับจ้างรีวิวสินค้า และบริการ
รับทำวิดีโอโฆษณา
โฆษณาบน Facebook Ads
บริการ ChatBot
ยืนยัน
Nipa Digital Marketing Add Line Nipa Digital Marketing Messenger
Facebook

ทำความเข้าใจ Click Through Rate แบบแจ่มแจ้ง เพื่อการยิงแอดแบบปังๆ

หน้าหลัก
บทความ
Facebook
ทำความเข้าใจ Click Through Rate แบบแจ่มแจ้ง เพื่อการยิงแอดแบบปังๆ
ทำความเข้าใจ Click Through Rate แบบแจ่มแจ้ง เพื่อการยิงแอดแบบปังๆ

Click Through Rate - CTR


การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของการทำโฆษณาบน Facebook เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้คุณเข้าใจว่าแคมเปญโฆษณาของคุณนั้นทำงานได้ดีเพียงใด นำไปสู่การแก้ไขปรับปรุงอย่างตรงจุด โดยการวิเคราะห์นี้จะรวมถึงการติดตามและประเมินหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น Reach, Engagement, Cost, Click-Through Rate หรือ Conversion Rate 


และสำหรับ Click-Through Rate (CTR) เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของ Facebook ads เนื่องจาก CTR เป็นเป็นตัวที่ใช้วัดความน่าสนใจและให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการตอบสนองของกลุ่มเป้าหมายที่มีต่อการยิงแอดโฆษณาของคุณ เพราะยิ่ง Facebook ads มี CTR สูง ก็จะบ่งบอกว่าโฆษณาของคุณ สามารถดึงดูดความสนใจได้ดีและช่วยลดต้นทุนการคลิก (CPC) นี่จึงเป็นเหตุผลว่า การวิเคราะห์และปรับปรุง CTR เป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้การทำโฆษณาบน Facebook ประสบความสำเร็จได้ในที่สุด 


CTR คืออะไร

CTR หรือ Click-Through Rate คืออัตราส่วนที่แสดงถึงจำนวนการคลิกที่โฆษณาหรือลิงก์ เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนครั้งที่โฆษณาปรากฎ โดยการคำนวณ CTR มีสูตรดังนี้


CTR = (จำนวนคลิก / จำนวนการแสดงผล) × 100%


ตัวอย่างเช่น ถ้าโฆษณาของคุณได้รับการแสดงผล 1,000 ครั้ง และมีการคลิก 50 ครั้ง อัตรา CTR จะเป็น:


CTR = (50 / 1000) × 100% = 5%


ความสำคัญของ CTR ต่อการทำโฆษณา Facebook

CTR เปรียบเสมือนตัวชี้วัดความสำเร็จของการยิงแอดโฆษณาบน Facebook ที่ช่วยให้คุณเข้าใจความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย ประเมินประสิทธิภาพของโฆษณา ตลอดจนการปรับปรุงกลยุทธ์ในแคมเปญโฆษณา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในหลายๆ ด้าน เช่น

  1. ตรวจเช็กประสิทธิภาพของการทำโฆษณา Facebook

    • การดึงดูดความสนใจ: ยิ่ง CTR สูงมากเท่าไหร่ ก็แสดงว่าแอดโฆษณาของคุณ สามารถดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายได้ดี มีการคลิกดูรายละเอียดหรือเยี่ยมชมเว็บไซต์มากขึ้น

    • ความเหมาะสม: CTR ช่วยให้รู้ว่าการยิงแอดโฆษณา ตอบโจทย์ความต้องการหรือความสนใจของกลุ่มเป้าหมายได้มากน้อยเพียงใด

  2. ตรวจสอบประสิทธิภาพการใช้จ่ายในการยิงแอดโฆษณา

    • การควบคุมต้นทุน: Facebook ใช้อัตรา CTR ในการประเมินคุณภาพของโฆษณาและคำนวณต้นทุนการโฆษณา (Cost Per Click หรือ CPC) โฆษณาที่มี CTR สูงมักจะมีต้นทุนการคลิกต่ำกว่า เพราะ Facebook จะเห็นว่าโฆษณาของคุณมีคุณภาพสูงและเกี่ยวข้องกับผู้ชมนั่นเอง

    • การปรับงบโฆษณา: หากแอดโฆษณามี CTR สูง อาจถึงเวลาเพิ่มงบประมาณ เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้าถึงและเพิ่มการคลิกให้สูงขึ้นต่อไป 

  3. ใช้วิเคราะห์และปรับปรุง Facebook ads

    • การวิเคราะห์ผลลัพธ์: การติดตาม CTR ช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์และประเมินผลลัพธ์ของแคมเปญ Facebook ads ได้ ซึ่งช่วยให้การปรับกลยุทธ์ทางการตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    • การทดสอบ A/B: สามารถทดสอบรูปแบบโฆษณาหรือกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน (A/B Testing) เพื่อดูว่าแอดโฆษณาชิ้นไหนที่มี CTR สูงสุด นำไปสู่การปรับปรุงคอนเทนต์หรือรูปแบบโฆษณาให้ดียิ่งขึ้น

  4. เพิ่มความน่าสนใจให้กับคอนเทนต์ Facebook ads

    • CTR ช่วยเรื่องการปรับปรุงภาพกราฟิกหรือการใช้ข้อความประกอบ ให้ตรงกับความสนใจของผู้อ่านได้มากยิ่งขึ้น 


อยากได้ CTR ดีๆ ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ยังไงบ้าง

การปรับปรุง CTR (Click-Through Rate) สำหรับการทำโฆษณาบน Facebook อาจต้องใช้การวิเคราะห์และการปรับกลยุทธ์ในหลายด้าน Nipa Agency เลยจะมาแนะนำกลยุทธ์ที่จะช่วยเพิ่มยอด CTR ให้สูงขึ้นได้

  1. ปรับปรุงเนื้อหาและการออกแบบโฆษณา

    • สร้างข้อความที่ดึงดูด ใช้ข้อความที่กระชับ เข้าใจง่าย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการคลิก เช่นคำว่า ส่วนลด โปรโมชัน สมัครเลย ซื้อเลย หรืออ่านเพิ่มเติม

    • ใช้ภาพหรือวิดีโอที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นภาพหรือวิดีโอที่มีคุณภาพสูงและเกี่ยวข้องกับเนื้อหา เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชม

    • เพิ่มความน่าสนใจของภาพ: ใช้ภาพที่มีความชัดเจนและเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสามารถจับความสนใจของผู้ใช้ได้ในขณะที่เลื่อนดูฟีด

  2. เลือกกลุ่มเป้าหมายอย่างเหมาะสม

    • กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่แม่นยำ ใช้เครื่องมือการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของ Facebook เพื่อระบุผู้ชมที่เหมาะสมที่สุดกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ เช่น อายุ เพศ ความสนใจ ไปจนถึงพฤติกรรมการซื้อ

    • สร้างกลุ่มเป้าหมายใหม่ ให้คล้ายกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลัก (Lookalike Audiences)

  3. ทำ A/B Testing

    • ทดสอบรูปแบบโฆษณาหลายๆ แบบ เช่น ข้อความ รูปภาพ คลิปวิดีโอ หรือการใส่ปุ่ม CTA (Call-to-Action) เพื่อดูว่ารูปแบบไหนที่ทำงานได้ดีที่สุด

    • วิเคราะห์ผลลัพธ์ ใช้ข้อมูลจากการทดสอบเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์โฆษณา เช่น เปลี่ยนแปลงข้อความหรือภาพที่ได้ผลดีในแคมเปญหนึ่งให้เหมาะสมกับแคมเปญอื่น

  4. เลือกช่วงเวลาแสดงโฆษณา

    • เลือกเวลาที่เหมาะสม พิจารณาว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณชอบออนไลน์ในช่วงเวลาใดบ้าง และปรับการแสดงผลของโฆษณาให้ตรงกับช่วงเวลานั้น

    • ทดสอบเวลาที่แสดงโฆษณา ทดสอบการแสดงโฆษณาในช่วงเวลาต่างๆ เพื่อหาช่วงเวลาที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด

  5. วิเคราะห์ข้อมูลและปรับกลยุทธ์

    • ตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูล: ใช้ข้อมูลที่ได้จากแคมเปญโฆษณา เช่น CTR, CPC (Cost Per Click) และ Conversion Rate เพื่อประเมินผลและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม

    • ติดตามผลอย่างต่อเนื่อง วิเคราะห์ผลลัพธ์และปรับกลยุทธ์การโฆษณาของคุณให้ทันสมัยอยู่เสมอ


แน่นอนว่า CTR หรือ Click-Through Rate ถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่จะช่วยให้นักการตลาด สามารถทำ Facebook ads ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดการใช้งบโฆษณา และก้าวไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้ในที่สุด

Nipa Agency เราพร้อมที่จะช่วยเหลือธุรกิจของคุณ ด้วยการยิงแอดโฆษณา Facebook ให้ได้ผลลัพธ์ที่คุณคาดหวัง สามารถพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัลสำหรับธุรกิจของคุณ เราพร้อมเป็นตัวเลือกแรกของคุณในการวางแผนการยิงแอดโฆษณา ด้วยทีมงานมืออาชีพที่เชี่ยวชาญในการทำตลาดดิจิทัล มาเปลี่ยนเรื่องการยิงแอดโฆษณาของคุณให้เป็นเรื่องง่ายไปด้วยกัน!


ส่วนลดพิเศษ คลิกเลย👇


บทความที่เกี่ยวข้อง
Facebook
ทำไม Like Page เพียบ … แต่ที่เงียบคือ Like Post ?

Facebook
5 เคล็ดลับโฆษณาสินค้าผ่าน Facebook

Facebook
ช่องทางโปรโมท Facebook ใหม่! "Facebook Shop" ใช้ง่ายขายคล่อง

Facebook
Custom Audience ตัวช่วยเด็ด ลงโฆษณาได้ตรงกลุ่ม

View all

รับคำปรึกษาฟรี!
บริการที่น่าสนใจ
บริการของคุณ