SEO ยังจำเป็นอยู่ไหม ในเมื่อ SEM ทำให้ติดหน้าแรก Google ได้ทันใจกว่า?!

ในปัจจุบัน การตลาดดิจิทัลหรือ Digital Marketing เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากการทำการตลาดผ่าน Social Media ต่าง ๆ อย่าง Facebook, TikTok, Instagram หรือ Line แล้ว การทำการตลาดดิจิทัลผ่าน Google ด้วย SEO และ SEM ก็สำคัญไม่แพ้กัน

หลายคนอาจมองว่าแค่ใช้ SEM เว็บไซต์ก็ติดหน้าแรก Google ได้ทันใจ ไม่ต้องเสียเวลาและเสียงบการตลาดไปกับ SEO แต่จริงๆแล้วเป็นความเข้าใจที่ผิด และอาจทำให้เว็บไซต์ของเราปลิวออกจากหน้าแรกได้อย่างรวดเร็วทันใจกว่าที่คิด!

ไปดูพร้อมกันเลยว่าทำไม SEO ถึงยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการทำการตลาดดิจิทัล และวิธีที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของธุรกิจเราติดหน้าแรกผ่านการทำ SEO อย่างมีประสิทธิภาพนั้นมีอะไรบ้าง

SEO vs SEM ต่างกันยังไง?

SEO (Search Engine Optimization) คือ การปรับปรุงตกแต่งทั้งตัวคอนเทนต์ ภาพ แฟนเพจ ไปจนถึงเว็บไซต์ของธุรกิจให้มีคุณภาพ ติดอยู่บนอันดับแรกๆ

ของการค้นหาเมื่อลูกค้าค้นหาด้วยคีย์เวิร์ด (Keyword) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา ซึ่งการทำ SEO นั้นจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง สร้างสรรค์คอนเทนต์และเว็บไซต์ให้ดูสดใหม่ น่าเชื่อถือ มีคุณภาพตั้งแต่หน้าเว็บไซต์ไปจนถึงหลังบ้าน เพื่อตอบรับการทำงานของ Algorithm Google ที่จะเป็นตัวกำหนดการจัดอันดับนั่นเอง

SEM (Search Engine Marketing) เป็นการซื้อพื้นที่โฆษณาบน Google เพื่อดึงให้เว็บไซต์ของเราติดลำดับบนสุดเมื่อค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา โดย Google จะเก็บค่าโฆษณาจากจำนวนการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ และบริเวณด้านหน้าลิงก์จะมีคำว่า Ads หรือ โฆษณา กำกับไว้เสมอ รับรองว่ากลุ่มเป้าหมายของเราจะเห็นเว็บไซต์ของเราผ่านหูผ่านตากันบ้างอย่างแน่นอน

จุดแข็งและจุดอ่อนของ SEO กับ SEM มีอะไรบ้าง

• จุดแข็งของการทำ SEO ที่น่าสนใจ ได้แก่ การประหยัดงบประมาณด้านการตลาด โดยเราไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าโฆษณาให้กับ Google แต่หากตกแต่งเว็บไซต์ได้ตรงกับ Algorithm นอกจากจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของธุรกิจจากการค้นหาบน Google (Organic Traffic) เพิ่มสูงขึ้นแล้ว ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจด้วย
  
  
• จุดแข็ง SEM คือเราสามารถปรับเพิ่มหรือลดจำนวนคีย์เวิร์ดได้ตลอดเวลา เว็บไซต์ของเราจะติดหน้าแรกและอันดับบนสุดของ Google อยู่เสมอ วัดผลการตลาดได้อย่างแม่นยำ เหมาะสำหรับการทำแคมเปญโฆษณาในเวลาสั้น ๆ และสามารถนำข้อมูลไปประยุกต์ใช้ในแคมเปญถัดไปได้อีกด้วย

แน่นอนว่าเมื่อมีจุดแข็งแล้ว ก็ต้องมีจุดอ่อนควบคู่กันเป็นธรรมดา โดยจุดอ่อนของ SEO คือการใช้ทรัพยากรหลายด้าน ทั้งทีมพัฒนาเว็บไซต์ ทีมคอนเทนต์ หรือทีมการตลาด อีกทั้งยังใช้เวลาและติดตามผลการทำงานอย่างน้อย 2-6 เดือน เพื่อรวบรวมผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในระยะยาว

 ตัว SEM เองก็มีจุดอ่อนด้านค่าใช้จ่ายในการโฆษณาที่แม้จะควบคุมได้ แต่ก็ยังอยู่ในเรทที่ค่อนข้างสูง ยิ่งเป็นคีย์เวิร์ดที่มีการค้นหาสูง ค่าใช้จ่ายก็ยิ่งพุ่งตาม และหากใช้งบโฆษณาต่ำ โฆษณาที่ซื้อไว้ก็อาจไม่สามารถแสดงบนหน้าแรกของ Google ได้ตลอด

SEO / SEM เครื่องมือไหนที่ธุรกิจควรให้ความสำคัญ

SEO และ SEM เป็นเครื่องมือที่มีธุรกิจควรให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน ควรทำควบคู่กันไปเสมอ เพราะ ด้วยความที่ SEO มีหลายปัจจัยที่จะส่งผลให้ติดอันดับหน้าค้นหา กินระยะเวลานาน อาจเห็นผลด้านการตลาดไม่ทันใจ SEM จึงเข้ามามีบทบาทในการสร้างการรับรู้บนพื้นที่อันดับต้น ๆ เมื่อกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าค้นหาสินค้าหรือบริการบน Google และสามารถเข้าถึงธุรกิจของได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วกว่า 

อีกทั้งการมีสัญลักษณ์ Ads ติดอยู่บนหน้าเว็บไซต์อยู่ทุกครั้งที่กลุ่มเป้าหมายค้นหาอาจไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของเราได้ จึงเป็นหน้าที่ของ SEO ที่จะเข้ามาให้ข้อมูลและสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มเป้าหมายว่าธุรกิจของเรามีคุณภาพ สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้จริงและมีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสในการแข่งขันกับคู่แข่งทางธุรกิจรายใหญ่ๆ เหมาะกับแคมเปญทั้งระยะสั้นและระยะยาว

เครื่องมือ 2 ชิ้นนี้มักมาควบคู่กันในการทำการตลาดดิจิทัลบนแพลตฟอร์ม Google เราสามารถวิเคราะห์คีย์เวิร์ดยอดนิยมจาก 2 เครื่องมือมาใช้ทำการตลาดด้วยกันได้

เพราะ SEO ถือเป็นส่วนหนึ่งของ SEM ไม่ได้แยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง และการจะทำให้ติดหน้าแรก สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการซื้อ Google Ads นั่นเอง

สุดท้ายนี้ ใครที่ยังรู้สึกสับสน ไม่เข้าใจ เหนื่อยกับความซับซ้อนของ Algorithm หรือใช้ทุกตัวช่วยแล้วเว็บไซต์ก็ยังไม่ขึ้นหน้าแรกของ Search Engine ทักมาหา NIPA ได้เลย! เรามี Services ให้แบบครบวงจรทั้ง SEO และ SEM เพิ่มความมีชื่อเสียงของแบรนด์ เพิ่มยอดขายให้กับสินค้าและบริการของคุณได้อย่างแน่นอน ลองมาทำความรู้จักเราพร้อมรับสิทธิพิเศษก่อนใครเลยตอนนี้!