02-639-7878 ต่อ 990

เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 19.00 น.

ปิดหน้าต่างนี้
LINE Services
Facebook/IG Ads
Instagram
Google Ads
YouTube
Twitter (X) Ads
TikTok Ads
Website Design
SEO (Search Engine Optimization)
Content Marketing & Production
E-mail & SMS Marketing
Influencer Marketing
Web Hosting & Domain
Facebook/IG Ads
Chatbot Service
ยืนยัน
Nipa Digital Marketing Add Line Nipa Digital Marketing Messenger
Digital Marketing

สะกดจิต โน้มน้าวใจ กระตุ้นให้โอนไวด้วย Scarcity Marketing

หน้าหลัก
บทความ
Digital Marketing
สะกดจิต โน้มน้าวใจ กระตุ้นให้โอนไวด้วย Scarcity Marketing
สะกดจิต โน้มน้าวใจ กระตุ้นให้โอนไวด้วย Scarcity Marketing

Scarcity Marketing


ในยุคที่คนเลื่อนฟีดเร็วและไวในพริบตาเดียว การลงทุนลงแรงไปกับการทำคอนเทนต์ของเพจหรือแบรนด์ จึงกลายเป็นเปล่าประโยชน์... ทำคอนเทนต์ยังไงคนก็ไม่ซื้อ บางคนอาจเฉยๆ และอาจทำให้คนไม่เห็น Message ที่คุณกำลังจะสื่อ แล้วการทำให้คนหยุดอ่านมันต้องทำยังไงล่ะ!? ต้องสะกดใจยังไงให้ลูกค้าหยุดนิ้วโป้ง ไม่เลื่อนผ่าน แล้วอ่านต่อ ไปจนถึงกดซื้อได้ที่สุด มันมีทริคอยู่ค่ะ


ทริคนั้นคือ Scarcity Marketing หลายคนงงว่ามันคืออะไร ทำไมชื่อดูน่ากลัวเหมือนหนังสยองขวัญ แต่ความเป็นจริงแล้ว มันคืออีกหนึ่งเทคนิคทางการตลาดที่ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่า “ไม่ได้การแล้ว ต้องรีบแล้ว!!!” อาจจะยังงงกันอยู่ใช่มั้ยล่ะคะ งั้นไปทำความรู้จักกับ Scarcity Marketing อย่างละเอียดกันเลย


Scarcity Marketing คืออะไร?

Scarcity Marketing การตลาดที่กระตุ้นความรู้สึกขาดแคลน เป็นเทคนิคที่จำกัดจำนวนสินค้า บริการ หรือข้อเสนอ เพื่อกระตุกต่อมอยากได้ ของมันต้องมี กระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น หลักการง่ายๆ คือ “ของมีน้อย คนอยากได้เยอะ” ยิ่งรู้ว่าสินค้ากำลังจะหมด หรือโปรโมชันมีเวลาจำกัด คนก็ยิ่งอยากได้แบบไม่ต้องคิดเยอะ


เคยรู้สึกมั้ยคะ เวลาเห็นคำว่า "สินค้าหมดแล้ว! หมดเลย!" หรือ "เหลือเพียง 5 ชิ้นสุดท้าย!" แล้วใจสั่น อยากรีบกดซื้อทันที นี่แหละค่ะ คือพลังของ “Scarcity Marketing” ที่สะกดจิต โน้มน้าวใจ "โอนไว" โดยไม่รู้ตัว


Scarcity Marketing ทำไมถึงยังได้ผลอยู่ในปัจจุบัน?

1. FOMO (Fear of Missing Out) คนกลัวพลาดอะไรสักอย่าง

FOMO เป็นอารมณ์ทางจิตวิทยา ที่เกิดขึ้นเมื่อเรารู้สึกว่า “ถ้าไม่ซื้อเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวจะไม่ได้ซื้ออีก” ยิ่งเห็นคำว่า "สินค้าหมดเร็ว!" หรือ "เหลือไม่กี่ชิ้น" เราจะรีบตัดสินใจโดยไม่ลังเล เพราะกลัวพลาดโอกาสดีๆ ไป

2. คนให้ค่าของที่หายาก

ของที่มีจำนวนจำกัดจะดู "มีค่า" กว่าสินค้าที่มีให้ซื้อได้ตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น กระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นลิมิเต็ด หรือ คอร์สเรียนออนไลน์ที่เปิดรับสมัครแค่ปีละครั้ง คนจะรีบคว้าไว้ก่อน เพราะรู้ว่ามันพิเศษ 

3. ตัดสินใจง่ายขึ้น ไม่ต้องคิดเยอะ

เวลาต้องเลือกซื้ออะไรสักอย่าง สมองเรามักจะวิเคราะห์เยอะไปหมด แต่พอเห็นว่า เหลือแค่ 3 ที่นั่งสุดท้าย! หรือ โปรฯ ลด 50% วันนี้วันสุดท้าย! เราจะรู้สึกว่าต้องรีบซื้อเดี๋ยวนี้ เพราะถ้าช้าอาจ อดได้ของดีไปแน่นอน


เทคนิค ใช้ Scarcity Marketing ยังไงให้ได้ผล?

1. จำกัดจำนวนให้เป็นประโยชน์ 

เทคนิคนี้ใช้ได้กับสินค้า หรือบริการทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน หรือ บริการต่างๆ แค่ต้องมั่นใจว่าจำนวนจำกัดที่เราบอกไปนั้น ดูสมเหตุสมผล 

  • สินค้าหมดแล้วหมดเลย! เหลือแค่ 10 ชิ้นสุดท้าย!
  • รับสมัครเพียง 30 คนเท่านั้น! รีบจองด่วนก่อนเต็ม!
  • เหลือแค่ 5 ห้องสุดท้าย! ใครจองก่อน ได้ราคาพิเศษ!


2. บีบระยะเวลา ให้ลูกค้าตัดสินใจเร็วขึ้น

เมื่อมีการจำกัดเวลา ลูกค้าจะไม่อยากเสียโอกาสดีๆ และรีบตัดสินใจซื้อทันที

  • Flash Sale! ลด 60% เฉพาะ 3 ชั่วโมงนี้เท่านั้น!
  • ดีลพิเศษนี้หมดเขตเที่ยงคืนนี้! พลาดแล้วพลาดเลย!
  • สมัครภายใน 24 ชั่วโมง รับของแถมฟรี!


3. ทำให้รู้สึกว่า "คนอื่นก็ซื้อเหมือนกัน" ถ้าคุณไม่จอง ระวังพลาดนะ

นี่เป็นเทคนิคที่แอปพลิเคชันจองที่พัก หรือแพลตฟอร์มจองโรงแรม ตั๋วเครื่องบินก็มีการใช้อยู่บ่อยๆ เพราะช่วยสร้างแรงกระตุ้นให้ลูกค้ารู้สึกว่า ต้องรีบตัดสินใจตอนนี้เลย ไม่งั้นคนอื่นจะแย่งไป

  • มีคนจองแล้ว 500 คน!
  • มีคนกำลังดูสินค้านี้อยู่ 25 คน! รีบซื้อก่อนของหมด!
  • ที่พักนี้เพิ่งถูกจองไปเมื่อ 2 นาทีที่แล้ว!


4. เพิ่มข้อเสนอ "Exclusive Offer" ที่มีจำนวนจำกัด 

ลูกค้าจะรู้สึกว่า ถ้าพลาดรอบนี้ อาจไม่มีโอกาสอีก และตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น

  • ลดพิเศษเฉพาะลูกค้า 50 คนแรกเท่านั้น!
  • โปรฯ นี้มีให้เฉพาะสมาชิก VIP! สมัครด่วน!
  • ของแถมมีจำนวนจำกัด! หมดแล้วหมดเลย!


5. ใช้ "Countdown Timer" กระตุ้นความเร่งด่วน

การใส่ตัวนับเวลาถอยหลัง บนหน้าเว็บหรือโฆษณาสามารถทำให้ลูกค้าตัดสินใจเร็วขึ้นได้

  • โปรหมดในอีก 02:15:30 ชั่วโมง!
  • ส่วนลดพิเศษ! เหลือเวลาแค่ 1 วันเท่านั้น
  • ซื้อก่อน 23:59 วันนี้ รับของแถมฟรี!


ตัวอย่างธุรกิจที่ใช้ Scarcity Marketing ได้ผล

  1. Lazada / Shopee มักจะมี Flash Sale ที่ลดราคาจำนวนจำกัด และมีเวลานับถอยหลัง ทำให้ลูกค้า "ต้องรีบซื้อ" ก่อนหมดเวลา
  2. Airbnb / Agoda ใช้ข้อความเช่น "ห้องพักนี้ถูกจองไปเมื่อ 5 นาทีที่แล้ว!" และ "เหลือแค่ 2 ห้องสุดท้าย!" เพื่อ Convince ให้ลูกค้าจองเร็วขึ้น
  3. Apple ออกสินค้ารุ่นพิเศษ หรือเปิดพรีออเดอร์จำกัด ทำให้เกิดความต้องการซื้อสูงขึ้น เช่น iPhone รุ่นพิเศษที่มีวางขายแค่บางช่วงเวลาเท่านั้น
  4. คอร์สเรียนออนไลน์ คอร์สเรียนบางคอร์สจะเปิดรับสมัครแค่ปีละครั้ง เช่น “สมัครภายใน 3 วัน รับราคาพิเศษ 50%” ทำให้คนไม่อยากพลาดโอกาสในการซื้อคอร์สเรียนที่ราคาถูกกว่า


Scarcity Marketing ไม่ใช่แค่กลยุทธ์เร่งปิดการขายให้ได้เท่านั้นนะคะ แต่ยังช่วยสร้างความ Exclusive ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขาได้รับโอกาสพิเศษที่ไม่ควรพลาด ถ้าใช้ถูกวิธี รับรองว่า ลูกค้าโอนไว ขายดีแน่นอนค่ะ 


ถ้าอยากให้คอนเทนต์ของคุณและโปรดัคของคุณ สะกดจิต โน้มน้าวใจ กระตุ้นให้โอนไว ด้วยการใช้กลยุทธ์ Scarcity Marketing อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถปรึกษาทีม Nipa Agency ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัลที่พร้อมวางแผนกลยุทธ์ให้ธุรกิจของคุณ เติบโต ติดตลาด และขายดี ด้วยเทคนิคการตลาดที่ทรงพลัง อย่าง Scarcity Marketing ทัก Nipa Agency เลยตอนนี้! เรามีแพ็กเกจดีๆ ของแถมอีกมากมายรออยู่เพียบ!! ทักด่วนเลยนะคะ เดี๋ยวจะพลาดโปรดีๆ สำหรับทำ  Scarcity Marketing ค่า🔥 



ส่วนลดพิเศษ คลิกเลย👇


บทความที่เกี่ยวข้อง
Digital Marketing
7 วิธีในการใช้โฆษณาแบบหมุนสำหรับองค์กรธุรกิจ

Digital Marketing
วิธีสร้าง Digital Customer Journey : Step-by-Step สำหรับธุรกิจ SMEs

Digital Marketing
แสดง Google ads 24 ชั่วโมง VS. กำหนดเวลา แบบไหนดีกว่ากัน

Digital Marketing
ต้องรู้! รับมือกับ การตลาดออนไลน์ อย่างมืออาชีพ

View all

รับคำปรึกษาฟรี!
บริการที่น่าสนใจ
บริการของคุณ