02-639-7878 ต่อ 990

เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 19.00 น.

ปิดหน้าต่างนี้
โฆษณาบน LINE
โฆษณาบน Facebook
โฆษณาบน Instagram
โฆษณาบน Google
โฆษณาบน YouTube
โฆษณาบน Twitter
โฆษณาบน TikTok
รับออกแบบเว็บไซต์ธุรกิจ
SEO ( Search Engine Optimization )
Content Marketing
การตลาดบน E-mail และ SMS
รับจ้างรีวิวสินค้า และบริการ
รับทำวิดีโอโฆษณา
โฆษณาบน Facebook Ads
บริการ ChatBot
ยืนยัน
Nipa Digital Marketing Add Line Nipa Digital Marketing Messenger
Digital Marketing

วางแผน Subscription Model เทรนด์การตลาดแบบการสมัครสมาชิก

หน้าหลัก
บทความ
Digital Marketing
วางแผน Subscription Model เทรนด์การตลาดแบบการสมัครสมาชิก
วางแผน Subscription Model เทรนด์การตลาดแบบการสมัครสมาชิก

Subscription Model


เชื่อว่าหลายๆ คนคงคุ้นหูกันดีกับคำว่า Subcribe หรือ Subscription โดยเฉพาะเวลาที่เข้าไปดู Youtube ก็มักจะพูดโปรโมตให้คนดูอย่างเรา “กดกระดิ่ง และกด Subcribe” แต่ความหมายจริงๆ ในทางการตลาด Subscription ไม่ได้แปลว่าการติดตาม แต่หมายถึง โมเดลธุรกิจแบบการสมัครสมาชิก ซึ่งเป็นหนึ่งในการตลาดที่ได้รับความนิยมมากๆ ในปัจจุบัน


เพราะโมเดลนี้ช่วยให้ธุรกิจในยุคดิจิทัลสามารถลดต้นทุน หาลูกค้าใหม่ และซื้อใจลูกค้าเก่าได้เป็นอย่างดี และยังกระตุ้นให้เกิดความภักดีต่อแบรนด์อีกด้วย วันนี้ NIPA Agency จะพาไปเรียนรู้กลยุทธ์นี้อย่างละเอียด พร้อมกับพาไปวิเคราะห์ Case Study แต่ละเคส เพื่อให้ทุกท่านได้นำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตัวเองได้ง่ายขึ้นค่ะ!


ทำความเข้าใจ Subscription Model กันก่อน

Subscription Model เป็นรูปแบบธุรกิจที่ลูกค้าจ่ายเงินเป็นรายเดือนหรือรายปีเพื่อให้เข้าถึงสินค้า บริการ หรือ Content ต่างๆ ได้แบบต่อเนื่อง ดังนั้น จึงไม่ใช่ทุกแบรนด์ที่จะสามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้ แต่ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ 

  1. มีสินค้า บริการที่มั่นใจว่าลูกค้าจะใช้ซ้ำ หรือใช้บริการเป็นเป็นประจำ : เช่น สื่อบันเทิง ผลิตภัณฑ์สุขอนามัย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แอปพลิเคชัน เป็นต้น 
  2. ผลิตภัณฑ์สามารถสร้างคุณค่าต่อเนื่องให้กับลูกค้าได้ : เช่น การอัปเดตเนื้อหาใหม่ๆ แบบ Personalization มีการเพิ่มฟีเจอร์พิเศษ หรือฟังก์ชันพิเศษอย่างสม่ำเสมอ
  3. มีความสะดวกในการจัดส่ง และการชำระเงิน : เช่น ตัดบัตรเครดิตรายเดือน การส่งสินค้าถึงบ้าน การยกเลิก หรือ Unsubscription ได้ง่าย เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจและสบายใจว่าจะไม่มีการผูกมัด และสามารถยกเลิกได้ทุกเมื่อ
  4. ผลิตภัณฑ์สามารถเชื่อมโยงกับลูกค้า : เช่น ระบบ Personalization ที่ช่วยให้บริการตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคล
  5. ธุรกิจอยู่ในตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง : เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี หรือสุขภาพและความงาม


ซึ่งธุรกิจที่มีโมเดลธุรกิจประเภทนี้มีข้อดีหลักๆ ดังนี้ :

  • รายได้ที่มั่นคง : มีรายได้ที่คาดการณ์ได้จากสมาชิกที่ต่ออายุเป็นประจำ
  • เพิ่มความภักดีของลูกค้า : ลูกค้ามีแนวโน้มใช้บริการต่อเนื่อง ทำให้เกิด Brand Loyalty
  • ลดต้นทุนการหาลูกค้าใหม่ : มุ่งเน้นการรักษาลูกค้ามากกว่าการหาลูกค้าใหม่ตลอดเวลา


เคล็ดลับ! สร้าง Subscription Model ให้ Success 

  1. ข้าใจลูกค้า ศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เขาใช้ของเราทุกวัน ทุกเดือนมั้ย เขา loyalty แบรนด์เรามาน้อยแค่ไหน เราเป็นโปรดัคที่ลูกค้าจะต้องใช้เป็นประจำรึเปล่า? 
  2. นำเสนอคุณค่าที่ชัดเจน ต้องมีจุดขายที่ทำให้ลูกค้าเห็นว่าการสมัครสมาชิกมันคุ้มค่า แน่นอนว่าต้องแตกต่าง และมีจุดยืนที่ชัดเจน ส่งมอบคอนเทนต์ที่ลูกค้าไปหาจากที่ไหนไม่ได้อีก
  3. สร้างระบบชำระเงินที่สะดวก การจ่ายต้อง Seamless และช่องทางชำระเงินที่หลากหลาย เช่น Scan Qr Code ได้ ตัดบัตรรายเดือนได้ 
  4. ทดลองใช้งานฟรี ข้อนี้สำคัญมากๆ เพราะลูกค้าอาจไม่รู้ว่าระบบ Subscription ตอบโจทย์สำหรับลูกค้ามากแค่ไหน หรือบางรายก็อยากจะแค่ลองใช้ในครั้งแรกเพื่อให้ได้มั่นใจว่าจะไม่เสียเงินฟรี
  5. สร้าง Community & Engagement ให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ เช่น ผ่านกิจกรรม Interactive content หรือแบบ Hyper Posonalization  เช่น Wrap Up รายปีของ Spotify


กรณีศึกษา Netflix – Streaming ที่มี Subscribers กว่า 300 ล้านราย

Netflix เป็นตัวอย่างของการใช้ Subscription Model ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอุตสาหกรรมบันเทิง ซึ่งอย่างที่รู้กันว่า Netflix ได้ผันตัวจากวงการร้านเช่าหนัง สู่แพลตฟอร์มสตรีมมิงเต็มตัว และมียอดซับเพิ่มขึ้นเรื่อย โดยล่าสุด วัดจากไตรมาสที่สี่ของปี 2024 จนถึงตอนนี้ Netflix มียอดซับถึง 300 ล้านราย และเพิ่มจากปีที่แล้ว ถึง 20 ล้านราย ซึ่งเป็นจำนวนที่เยอะมากทีเดียว

กลยุทธ์ที่ Netflix ใช้ในการทำ Subscription Mode

  1. Content is King : นอกจากผลิตหนังลิขสิทธิ์เนื้อหาพรีเมียม เช่น ซีรีส์ Stranger Things, Squid Game ที่ดึงดูดให้ลูกค้าต่ออายุสมาชิก ก็ยังนำเสนอคอนเทนต์ผ่าน Owned Media ที่สนุก โยงกับเรียลไทม์ได้ดี
  2. Personalization : ใช้ AI แนะนำหนังที่ตรงกับความสนใจของแต่ละบุคคล
  3. Flexible Plans : มีแพ็กเกจหลากหลายให้เลือกตามงบประมาณของลูกค้า


Spotify – Freemium ที่กระตุ้นให้เกิดการสมัคร Premium

Spotify ใช้กลยุทธ์ Freemium ที่ให้ผู้ใช้ฟังเพลงฟรีแต่มีโฆษณาขั้น ซึ่งอาจทำให้ลูกค้าบางคนฟังแล้วรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้ยินโฆษณา อาจทำให้การฟังดนตรีหมดมู้ดได้ แต่ถ้าอยากฟังแบบลื่นไหลไม่สะดุด Ads ก็สามารถอัปเกรดเป็น Premium เพื่อฟังเพลงแบบไม่มีโฆษณา แถมมีฟีเจอร์เยอะแยะมากมายให้เล่นอีกด้วย ซึ่งโมเดล Freemium สามารถช่วยให้ขยายฐานผู้ใช้งาน ให้เกิดเป็นลูกค้า Premium ได้ในระยะเวลาอันสั้น

กลยุทธ์ที่ Spotify ใช้ในการทำ Subscription Mode

  1. Behavioral Triggers: เสนอให้ทดลองใช้งานฟรี 1 - 3 เดือนเพื่อกระตุ้นให้เกิดการติดตาม
  2. Exclusive Content & Features: ฟีเจอร์พิเศษ เช่น การดาวน์โหลดเพลงฟังออฟไลน์ หรือเสียงคุณภาพสูง
  3. AI-Powered Recommendations: สร้างเพลย์ลิสต์แนะนำที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละความชอบ แต่ละพฤติกรรมของผู้ใช้งาน


Ira concept – ผ้าอนามัยเจ้าแรกในไทย ที่ให้บริการ Subscription

เพราะผู้หญิงทุกคนต้องมีประจำเดือนทุกเดือน ira concept แบรนด์ผ้าอนามัยออร์แกนิกย่อยสลายได้จึงคิดค้นระบบ Subscription เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า โดยการส่งผ้าอนามัยให้ถึงบ้านเป็นประจำทุกเดือน ผ่านระบบการแจ้งเตือนให้ชำระเงินรายเดือนผ่าน Line OA หรือสามารถตัดบัตรเครดิตได้ ซึ่งเพิ่มความสะดวกสบาย แถมง่ายต่อการสั่งซื้อในทุกขั้นตอน 

กลยุทธ์ที่ ira concept ใช้ในการทำ Subscription Mode

  1. Convenience is Key : ลูกค้าไม่ต้องสั่งซื้อใหม่ทุกเดือน ลดความยุ่งยาก 
  2. Sustainability & Ethical Branding : ใช้วัสดุออร์แกนิก มีจุดยืนในเรื่องของยั่งยืน
  3. Personalization : ลูกค้าสามารถเลือกปริมาณ และประเภทของผ้าอนามัยให้เหมาะสมกับรอบเดือนของตัวเองในเดือนนั้นๆ ได้
  4. Unsubsription : ลูกค้าสามารถยกเลิกได้แบบ Freestlye ยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีการผูกมัด


Tinder – เพิ่มโอกาสในการจับคู่ ด้วยแผน Subscription

Tinder ใช้โมเดล Subscription โดยการกระตุ้นให้กลุ่มลูกค้ารู้สึกว่าต้องมีฟีเจอร์เหล่านี้ เพื่อแลกกับอะไรที่มากกว่า เหนือกว่า ใช้จิตวิทยาเข้ามาช่วยในการทำการตลาด ค้นหาความต้องการสูงสุดของ User คืออะไร และนำมาปรับใช้ในกระบวนการเพิ่มยอดสมัครสมาชิก เช่น หากคุณสมัคร Tinder Plus หรือ Tinder Gold ก็จะช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์ให้เนื้อคู่มองเห็นเราได้ไว และง่ายมากขึ้น หรือเราสามารถมองเห็นคนที่ Like เราได้ แต่ถ้าไม่ได้สมัครแผน Sunscription คุณก็อาจจะพลาดโอกาสดีในการเจอคนรักของคุณในอนาคตก็ได้นะ! 

กลยุทธ์ที่ Tinder ใช้ในการทำ Subscription Mode

  1. Unlimited Swipes : ถ้าสมัครสมาชิก จะปัดขวาได้ไม่จำกัด
  2. Boost & Super Likes : เพิ่มโอกาสในการถูกมองเห็นมากขึ้น
  3. Passport Feature : สายฝอ สายเกา ปักหมุดที่ไทยอาจเจอยาก ถ้าสมัคร Gold ก็สามารถเปลี่ยน Location เพื่อจับคู่กับผู้คนทั่วโลกได้! 


Subscription Model ไม่ใช่แค่เทรนด์ที่มาๆ และก็ไป แต่เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างรายได้แบบยั่งยืน หากแบรนด์มีสินค้า หรือบริการที่ตอบโจทย์ และสร้างคุณค่าให้ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะซื้อใจลูกค้าเก่าให้อยู่กับเราในระยะยาว ทั้งดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ให้กลายเป็นลูกค้าที่มีความจงรักภักดีกับแบรนด์ได้ หาก Subscription Model เป็นกลยุทธ์ที่ใช่ คุณสมบัติของแบรนด์เหมาะสมที่จะทำ Subscription Model ก็อย่ารอช้า! 

เริ่มวางแผนกลยุทธ์แบบสมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้ กับ NIPA Agency ที่สามารถช่วยให้ธุรกิจและแบรนด์ของคุณมีฐานสมาชิกที่เพิ่มมากขึ้น ผ่านกลยุทธ์โฆษณาออนไลน์ การใช้ Data Analytics เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ให้ธุรกิจของคุณเติบโตและเพิ่ม Retention Rate ได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าเดิม ทักเลย



ส่วนลดพิเศษ คลิกเลย👇


บทความที่เกี่ยวข้อง
Digital Marketing
การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) คืออะไร?

Digital Marketing
วางแผน Subscription Model เทรนด์การตลาดแบบการสมัครสมาชิก

Digital Marketing
ธุรกิจยุคใหม่ ไม่รู้จัก การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) ไม่ได้แล้ว

Digital Marketing
Tips7…กลยุทธ์การผลิต Content ให้เห็นภาพ

View all

รับคำปรึกษาฟรี!
บริการที่น่าสนใจ
บริการของคุณ