02-639-7878 ต่อ 990

เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 19.00 น.

ปิดหน้าต่างนี้
โฆษณาบน LINE
โฆษณาบน Facebook
โฆษณาบน Instagram
โฆษณาบน Google
โฆษณาบน YouTube
โฆษณาบน Twitter
โฆษณาบน TikTok
รับออกแบบเว็บไซต์ธุรกิจ
SEO ( Search Engine Optimization )
Content Marketing
การตลาดบน E-mail และ SMS
รับจ้างรีวิวสินค้า และบริการ
รับทำวิดีโอโฆษณา
โฆษณาบน Facebook Ads
บริการ ChatBot
ยืนยัน
Nipa Digital Marketing Add Line Nipa Digital Marketing Messenger
Digital Marketing

4 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนทำ Influencer Marketing

หน้าหลัก
บทความ
Digital Marketing
4 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนทำ Influencer Marketing
4 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนทำ Influencer Marketing

หากแบรนด์ของคุณกำลังพิจารณาทำการตลาดออนไลน์หรือโปรโมทสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ด้วย Influencer Marketing คุณต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการโฆษณาขายของใหม่ ในปี 2020 ที่เกิดกระแสความเปลี่ยนแปลงต่างจากปีที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ 

 

แนวโน้มทางด้านการตลาดออนไลน์มีความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะหลังจากเกิดสถานการณ์ New Normal ที่ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ที่ผู้คนเริ่มหันมาใช้งานโซเชียลมีเดีย และ ซื้อของผ่านออนไลน์มากขึ้น การใช้งาน Influencer Marketing จึงมีความเปลี่ยนแปลงไปด้วย โดยในวันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่าควรใช้งาน Influencer อย่างไร เพื่อโปรโมทสินค้าของธุรกิจ 

จากข้อมูลของ Social Media Today ได้แบ่งออกเป็น 4 แนวทาง ดังนี้ 

 

1. ปรับการตลาดออนไลน์ไปที่ Nano และ Micro Influencer มากขึ้น 

2. นำเสนอแบรนด์ในลักษณะ Storytelling 

3. โปรโมทสินค้าด้วยแพลตฟอร์มที่หลากหลาย 

4. โฆษณา video ยังคงเติบโตต่อเนื่อง 

 

นอกจากนี้ Social Media Today ยังเปิดเผยข้อมูลด้าน Influencer ว่า ในปี 2016-2019 มีผู้คนค้นหา Keyword ของคำว่า ‘Influencer Marketing’ เพิ่มสูงขึ้นกว่า 15 เท่า แสดงให้เห็นความต้องการในการโปโมทสินค้าออนไลน์ด้วย Influencer มากขึ้นตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์หลัง New Normal ที่พบว่า มีการใช้งานโซเชียลมีเดียกว่า 56% และการซื้อขายออนไลน์เพิ่มมากขึ้น 27% รวมถึงมีการคาดการณ์ว่าในปี 2020 นี้ตลาด Influencer Marketing จะมีมูลค่ามากกว่าหมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ อีกด้วย 

 

ปรับการตลาดออนไลน์ไปที่ Nano และ Micro Influencer มากขึ้น 

 

สำหรับตลาด Influencer ที่มีหลากหลาย แบรนด์ต่างๆ ก็จะเลือกใช้งาน Influencer ที่แตกต่างกันออกไป เพื่อตอบโจทย์ Communication Idea ของธุรกิจมากที่สุด ซึ่งแบรนด์ไทยส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกใช้งาน Influencer ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก และ การตอบโจทย์คอนเทนต์ที่เหมาะกับแบรนด์เป็นส่วนใหญ่ แต่ด้วยกระแสที่เปลี่ยนแปลงไปการใช้งาน Influencer ที่ผู้ติดตามจำนวนไม่มาก กลับได้ Engagement ซึ่งทำให้เกิด Conversion Rate ที่ดีกว่า เพราะ ความใกล้ชิดและสามารถเน้นจำนวน Influencer หลายๆ คน ทำให้สามารถทวีคูณผลลัพธ์ได้มากกว่า ด้วย Nano และ Micro Influencer 

 

สถิติรายงานจาก Social Media Today พบว่า 61% ของผู้บริโภค ให้ความเห็นว่า Nano และ Micro Influencer สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่เข้าถึงและตอบโจทย์ได้มากกว่า Macro หรือ Mega Influencer โดย Influencer สามารถแบ่งประเภทได้ดังนี้ 

 

1. Nano Influencer: ผู้ติดตาม 1,000 – 10,000 คน 

2. Micro Influencer: ผู้ติดตาม 10,000 – 50,000 คน 

3. Mid-Tier Influencer: ผู้ติดตาม 50,000 – 500,000 คน 

4. Macro Influencer: ผู้ติดตาม 500,000 – 1,000,000 คน 

5. Mega Influencer: ผู้ติดตามมากกว่า 1,000,000 คนขึ้นไป 

 

นำเสนอแบรนด์ในลักษณะ Storytelling 

 

วิธีการนำเสนอเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างสรรค์คอนเทนต์ในยุคนี้ โดยเฉพาะการสร้างสรรค์คอนเทนต์สำหรับธุรกิจในการโปรโมทสินค้า หรือ โฆษณาขายของ ซึ่งส่วนใหญ่ Influencer มักจะแค่บรรยายสรรพคุณของสินค้า หรือ การรีวิวสินค้า แต่ด้วยพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายกับการโปรโมทสินค้าแบบเดิมๆ วิธีการนำเสนอของ Influencer จึงต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย 

 

Influencer จึงต้องพยายามสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ ด้วย Branded Content หรือ คอนเทนต์ที่ถูกนำเสนอด้วย Influencer แต่สามารถดึงเนื้อหาที่แบรนด์ต้องการนำเสนอ พร้อมกับตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งวิธีในการนำเสนอนั้นอาจเป็น Storytelling ของแบรนด์ หรือ สินค้าได้อย่างน่าสนใจ โดยสถิติจาก Social Media Today พบว่า 92% ของผู้บริโภค ต้องการให้ Influencer ผลิตคอนเทนต์ของแบรนด์ในลักษณะ Storytelling มากขึ้น 

 

โปรโมทสินค้าด้วยแพลตฟอร์มที่หลากหลาย 

 

แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในไทยอาจจะมีกระแสหลักเป็น Facebook, Google, LINE และ Youtube แต่ช่องทางของ Influencer ในการโปรโมทสินค้ายังมีช่องทางอื่นๆ เช่น InstagramTikTokTwitter ที่สามารถเพิ่มยอดขายออนไลน์ของแบรนด์ให้มากขึ้นได้อีกด้วย 

 

แพลตฟอร์มทางเลือกที่สามารถโปรโมทสินค้า เพื่อเพิ่มยอดขายออนไลน์ อย่าง Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานสูงกว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งโฆษณา Instagram สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานได้มากถึง 849.3 ล้านบัญชี รวมถึง TikTok แพลตฟอร์มน้องใหม่มาแรงในปี 2019 ที่มีผู้ใช้ส่วนใหญ่มากกว่า 50% อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 18 – 34 ปี ทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในช่วงวัยรุ่น รวมถึงสร้างคอนเทนต์ที่เกาะกับกระแสนิยมในช่วงนั้นได้อีกด้วย 

 

โฆษณา video ยังคงเติบโตต่อเนื่อง 

 

การผลิต Branded Comtent นอกจากมีเนื้อหาของคอนเทนต์ที่น่าสนใจ รูปแบบของการนำเสนอคอนเทนต์ยังมีความสำคัญที่จะทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ได้มากขึ้น โดยจากสถิติที่ผ่านมาในปี 2019 วิดีโอคอนเทนต์ยังคงเป็นรูปแบบที่ได้รับ Engagement ที่ดีที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับกระแสความนิยมของแพลตฟอร์มที่มีการนำเสนอเป็นรูปแบบวิดีโออย่าง Youtube และ TikTok ทำให้โฆษณา video เป็นรูปแบบการนำเสนอคอนเทนต์ของแบรนด์ที่น่าสนใจ โดย Social Media Today ได้สรุปแนวทางของ โฆษณา video ในการเพิ่มยอดขายออนไลน์ ดังนี้ 

1. คอนเทนต์แบบ motion จะมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นในปี 2020 นี้ 

2. วิดีโอสั้น (short-form) เหมาะกับช่องทาง TikTok และ Instagram 

3. วิดีโอยาว (long-form) เหมาะกับ IGTVYouTube และ Facebook Live 


ส่วนลดพิเศษ คลิกเลย👇


บทความที่เกี่ยวข้อง
Digital Marketing
YouTube SEO ทำยังไง ให้คลิปติดหน้าแรกบน YouTube (Update 2024)

Digital Marketing
ธุรกิจ อีคอมเมิร์ซ คืออะไร? ทำไมถึงดึงดูดหลายคน เริ่มต้นธุรกิจนี้

Digital Marketing
How to ทำการตลาดแบบเรียลไทม์ (Real-Time Marketing) ยังไงให้ไม่พลาด !

Digital Marketing
โฆษณาออนไลน์แบบไหนที่เหมาะกับการโฆษณาสินค้าของคุณมากที่สุด?

View all

รับคำปรึกษาฟรี!
บริการที่น่าสนใจ
บริการของคุณ