20 ศัพท์การตลาดน่ารู้ ก่อนทำ Digital Marketing

คัดมาแล้ว! 20 ศัพท์การตลาดที่นักการตลาดมือใหม่ควรต้องรู้จัก ก่อนลงมือทำ Digital Marketing ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และก็จะได้นำคำศัพท์ทางการตลาดนี้ไปคุยและสื่อสารกับคนในวงการให้รู้เรื่อง!

ส่วนศัพท์ทางการตลาดที่ Nipa Agency ยกมานำเสนอในวันนี้จะมีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ บอกเลยว่ามีแต่คำศัพท์การตลาด Digital Marketing ที่ไม่ควรพลาดทั้งนั้นเลยนะ 

ศัพท์การตลาด Digital Marketing ที่น่าสนใจ มีอะไรบ้าง ?

• ศัพท์การตลาดเกี่ยวกับ Social Media & Content Marketing

A/B Testing เป็นวิธีการทดสอบประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาด 2 รูปแบบขึ้นไป เพื่อวิเคราะห์ผลลัพธ์และนำมาปรับใช้กับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เหมาะสมต่อไป 

Content Marketing การสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆ เช่น บทความ รูปภาพ พอดแคสต์ อินโฟกราฟิก เพื่อตอบโจทย์วัตถุประสงค์ทางการตลาดด้านต่างๆ ของแบรนด์ธุรกิจ เช่น การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสินค้า หรือการกระตุ้นยอดขาย

CTA : Call to Action คำหรือวลีที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจ เช่น สั่งซื้อเลย! , สมัครฟรี! , อ่านเพิ่มเติม คลิก! สามารถนำเสนอได้หลายรูปแบบและหลายแพลตฟอร์ม เช่น รูปภาพบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ข้อความบนโบรชัวร์ประชาสัมพันธ์ต่างๆ 

Keyword คำ วลี หรือประโยคสำหรับใช้ในการค้นหาผ่าน Search Engine ต่างๆ เช่น Google ฯลฯ 

Lead กลุ่มคนที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าหรือบริการ หรือพูดอีกอย่างก็คือ ว่าที่ลูกค้า

Organic Traffic จำนวนผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์ของธุรกิจผ่านช่องทางธรรมชาติ ไม่ได้ผ่านการซื้อโฆษณา ซึ่งคนที่เข้ามาชมเว็บไซต์โดยไม่ผ่านการโฆษณานั้น มีโอกาสที่จะปิดการขายได้ดีกว่า Paid Traffic เพราะอาจเกิดจากความสนใจในสินค้าและบริการของธุรกิจจริงๆ 

SEO : Search Engine Optimization การปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อให้เว็บไซต์ของธุรกิจขึ้นมาติดอยู่ในลำดับแรกๆ ของการค้นหาบน Search Engine หรือ Google

SEM : Search Engine Marketing การซื้อพื้นที่โฆษณาบน Google เพื่อให้เว็บไซต์ของธุรกิจ ขึ้นมาติดอยู่ในลำดับบนสุด เมื่อมีการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่กำหนดไว้ โดยเว็บไซต์ที่ทำ SEM จะมีคำว่า Ad หรือ โฆษณา ปรากฎอยู่ที่ด้านหน้าลิงก์เว็บไซต์

• คำศัพท์เกี่ยวกับ Digital Marketing Strategy

Brand Awareness การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ธุรกิจ สินค้า หรือบริการ ผ่านการสื่อสารในช่องทางต่างๆ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการจดจำและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายยิ่งขึ้น 

Engagement เป็นยอดการมีส่วนร่วมต่างๆ เช่น การกดไลก์ (Like) การแชร์ (Share) การแสดงความคิดเห็น (Comment) หรือการมีส่วนร่วมในเชิงลบ เช่น การแจ้งสแปม การกดซ่อนโพสต์ 

Impression จำนวนครั้งที่โพสต์หรือโฆษณาปรากฎให้คนเห็น โดยจะนับรวมคนที่เห็นซ้ำด้วย 

Reach ยอดที่แสดงจำนวนคนที่เห็นโพสต์หรือโฆษณา

CTR : Click through Rate ค่าสัดส่วนของผู้ที่คลิกโฆษณา หารด้วยจำนวนครั้งที่โฆษณาปรากฎ เปรียบเป็นตัวชี้วัดที่ทำให้ธุรกิจรู้ว่า ตัวคอนเทนต์และโฆษณาที่ได้ Optimize ไปนั้น สามารถทำได้ดีมากน้อยเพียงใด โดยยิ่งค่า CTR สูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่คนจะคลิกโฆษณามากขึ้นตามไปด้วย 

Conversion Rate อัตราส่วนที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับโฆษณานั้นๆ เช่น การสั่งซื้อสินค้า การดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน หรือการยินยอมให้ข้อมูล เทียบกับยอดเข้าชมโฆษณาที่เกิดขึ้น เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือวัดความสำเร็จของการโฆษณา เช่น หากโฆษณามีผู้เข้าชมหลักล้านวิว แต่กลับมียอดขายเพียงน้อยนิด ธุรกิจก็ต้องกลับมาปรับคอนเทนต์หรือ Optimize โฆษณาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Dashboard ข้อมูล ตาราง หรือสถิติที่สรุปภาพรวมของธุรกิจหรือแคมเปญการตลาดให้เข้าใจง่าย

KPI : Key Performance Indicator ดัชนีชี้วัดความสำเร็จในแง่มุมต่างๆ เช่น แคมเปญการตลาด โปรโมชันประจำเดือน ยอดขายประจำปี เปรียบเป็นเป้าหมายที่ตั้งขึ้นมาเพื่อผลักดันให้งานต่างประสบความสำเร็จ 

ROI : Return On investment ผลตอบแทนหรือกำไรจากการลงทุน ซึ่งยิ่งค่า ROI สูง แสดงว่า ใช้เงินลงทุนน้อย แต่ได้ผลตอบแทนดี ในทางกลับกัน หากค่า ROI ต่ำ ก็อาจหมายถึง การลงทุนนั้นไม่คุ้มค่า และธุรกิจต้องปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมต่อไป

• คำศัพท์เกี่ยวกับต้นทุนการโฆษณา

CPA : Cost Per Acquisition / Cost Per Action ต้นทุนการโฆษณาต่อ 1 การกระทำ เช่น การสมัครสมาชิก การลงทะเบียน สั่งซื้อสินค้า การกรอกข้อมูล หรือการดาวน์โหลดไฟล์ต่างๆ หากมีผู้ใช้งานคลิกที่โฆษณา แต่ไม่ได้ทำสิ่งที่ผู้ลงโฆษณากำหนดไว้ แพลตฟอร์มก็จะไม่หักเงินกับผู้ลงโฆษณา

CPC : Cost Per Click ต้นทุนการโฆษณาต่อการคลิก 1 ครั้ง โดยผู้ลงโฆษณาจะเสียเงินทุกครั้งเมื่อมีลูกค้าคลิกที่โฆษณา ซึ่งธุรกิจสามารถกำหนดค่าใช้จ่ายต่อคลิกได้ตามต้องการ เช่น CPC 5 บาท หมายถึงธุรกิจจะต้องจ่าย 5 บาท ต่อกการคลิกหนึ่งครั้ง หากมีการคลิก 5 ครั้ง ก็จะเท่ากับ 25 บาทนั่นเอง CPC ถือเป็นโมเดลโฆษณาที่มีโอกาสปิดการขายได้สูงจากกลุ่มลูกค้าที่สนใจในสินค้าจริงๆ

CPM : Cost Per Mille ต้นทุนการโฆษณาต่อการแสดงผล 1,000 ครั้ง โดยไม่สนว่าจะมีการคลิกที่โฆษณากี่ครั้ง โดยโมเดลนี้จะเน้นเพิ่มการมองเห็นของสินค้าและบริการ

นี่เป็นศัพท์การตลาด Digital Marketing เพียงบางส่วนเท่านั้นนะ เพราะยังมีศัพท์การตลาดที่ควรรู้อีกเพียบเลย นักการตลาดดิจิทัลมือใหม่ที่อยากรู้ว่าจะมีคำศัพท์การตลาดไหนอีกบ้าง ก็อดใจรอกันอีกนิด แล้ว NIPA Agency จะมาอัปเดตให้เพื่อนๆ ได้นำไปใช้กันอีกทีนะ แล้วพบกันใหม่ค่ะ!